ระบบกรองที่ใช้ในตู้ปลาทะเล by Brio Kompon Taeboversatitwong
Last updated
by
hipfood
ระบบกรองที่ใช้ในตู้ปลาทะเล
ระบบ wet-dry (ระบบไบโอบอล)
การกรองโดยใช้ Bio-ball เป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุดในบ้านเรา ซึ่ง Bio-ball นั้นจะเป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียที่ทำหน้าที่ย่อยสลายแอมโมเนียและไนไตรท์ โดยที่น้ำจากตู้จะไหลลงมาบน Bio-ball และแตกกระจายเป็นหยดเล็กๆผสมกับอากาศ ทำให้น้ำในช่อง Bio-ball มีปริมาณอ๊อกซิเจนสูง ซึ่งเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ของ Nitrifying Bacteria
ข้อเสียของระบบกรองที่ใช้ Bio-ball นั้นก็คือมันไม่สามารถกำจัดสารไนเตรตได้ เพราะ Denitrifying Bacteria ที่สามารถย่อยสลายและเปลี่ยนไนเตรตให้เป็นเป็นก๊าซไนโตรเจน จะอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ๆมีอ๊อกซิเจนต่ำมากเท่านั้น (Anaerobic) ซึ่งตรงกันข้ามกับ Bio-ball ที่มีอ๊อกซิเจนอยู่เต็มเปี่ยม ดังนั้นการใช้ Bio-ball จะสามารถทำให้เกิดการสะสมของไนเตรตได้ ไนเตรตในปริมาณน้อยอาจจะไม่เป็นไร แต่ในปริมาณมากอาจทำให้ปลาและปะการังไม่แข็งแรง เป็นโรคง่าย อีกทั้งไนเตรตยังเป็นปุ๋ยทำให้ตะไคร่เกิดขึ้นเร็วอีกด้วย ถ้าหากคุณเลือกที่จะใช้ Bio-ball คุณจะต้องคอยวัดระดับไนเตรตอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนน้ำเมื่อไนเตรตสูงขึ้น
ในระบบwet-dryนั้นจะมีส่วนที่เพิ่มจากระบบข้างต้นคือ ไบโอบอล เพิ่มส่วนล่างลงมาอีกชั้นหนึ่งคือส่วนที่จมน้ำ ส่วนนี้จะใส่ปะการังเทียมหรือเศษปะการังหัก เพื่อที่จะให้ Denitrifying Bacteria อาศัยและกำจัดไนเตรทที่หลงเหลือมาจากระบบไบโอบอลอีกครั้งหนึ่ง
(จากหนังสือตู้ทะเล+ไทยรีฟ)
ระบบ Berlin
Berlin System หรือการนำเอาหินเป็นและ Protein Skimer มาใช้ในตู้ทะเลนั้น เริ่มขึ้นในประเทศเยอรมัน และต่อมาได้รับความนิยมมากในเอมริกาและยุโรป เพราะว่าเป็นระบบที่จำลองสภาพแวดล้อมในตู้เหมือนกับในธรรมชาต ทำให้สามารถเลี้ยงสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่ก่อนหน้านั้นถือว่าเลี้ยงยากมาก
หินเป็นโดยทั่วไปแล้วคือซากปะการังแข็งที่ตายแล้วทับถมกันจนมีลักษณะคล้ายก้อนหิน ภายในหินเป็นจะมีโพรงเล็กๆเป็นจำนวนมากทำให้มีน้ำหนักเบา และนอกจากจะเพิ่มความสวยงามให้แก่ตู้แล้ว ยังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์เป็นอย่างมากเพราะเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กตั้งแต่ แบคทีเรีย แพลงตอน ไปจนถึง ปู กุ้ง ฟองน้ำ ไส้เดือนทะเล สาหร่าย และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีความสำคัญมากในการสร้างระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ สัตว์บางชนิดอาจจะลงไปอาศัยอยู่ในพื้นทรายด้วยก็ได้ และสามารถสืบพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
ที่พื้นผิวของหินจะเป็นที่อยู่ของ Nitifying Bacteria และภายในโพรงข้างในหิน จะมีการไหลเวียนของน้ำต่ำมากทำให้อ๊อกซิเจนเข้าไปไม่ถึง (หรือถึงน้อยมาก) ทำให้ Denitrifying Bacteria สามารถอยู่อาศัยได้ ทำให้กระบวนการ Denitrification หรือย่อยสลายไนเตรตให้เป็นก๊าซไนโตรเจนนั้นมีประสิธิภาพสูง จำนวนหินเป็นที่จะต้องใช้นั้นขึ้นอยู่กับขนาดของตู้และความสวยงามในการจัด
ในทะเล จะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในหินเป็นๆจำนวนมาก แต่กว่าที่หินจะมาวางขายอยู่ในร้าน มันจะต้องถูกนำขึ้นมาเหนือน้ำ กองอยู่บนท่า ซึ่งกว่าหินจะมาถึงมือคุณ สิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งอาจจะตายลงทำให้เกิดการเน่าเสีย ดังนั้นก่อนนำหินไปใช้จะต้องทำการบำบัดหินก่อน บางร้านจะแนะนำให้ใช้น้ำจืดล้างซึ่งเราไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ต้องตายลงไปอีก
โปรตีนสกิมเมอร์
Protein Skimmer ทำงานโดยการผลิตฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมากผสมเข้ากับน้ำ ทำให้เกิดเป็นโฟมขึ้นที่หน้าผิวน้ำ สิ่งสกปรก, สารอินทรีย์, และคราบโปรตีน จะเกาะอยู่ที่หน้าผิวฟองระหว่างน้ำและอากาศ และโฟมสกปรกจะล้นออกมาในถ้วยที่สามารถถอดออกและนำไปทำความสะอาดได้
Skimmer ไม่ใช่สิ่งจำเป็นแต่จะช่วยทำให้สภาพน้ำดีขึ้นในตู้ที่มีปริมาณสิ่งมีชีวิตอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าคุณมีปลาหรือปะการังน้อยและขยันเปลี่ยนน้ำทุก 3-4 อาทิตย์ หรือใช้ระบบกรอง ATS คุณก็อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ Skimmer
(จากไทยรีฟ)
ระบบ ATS
ระบบกรอง ATS ซึ่งย่อมาจากคำว่า Algae Turf Scrubber เป็นเทคโนโลยีการบำบัดน้ำที่คิดค้นขึ้นโดย Dr. Walter H. Adey แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล Smithsonian Marine Systems Laboratory (Washinton, D.C.) ซึ่งใช้อยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Smithsonian Institution (Washinton, D.C.) และ Great Barrier Reef Aquarium (Townsville, Australia) มามากว่า 10 ปีแล้ว
ATS จะอาศัยสาหร่ายพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก (Microalgae) ในการซึมซับอินทรีย์สารและอนินทรีย์สาร ซึ่งรวมถึง Ammonia, Nitrite, Nitrate, Phosphate และธาตุเหล็กต่างในน้ำ โดยมีต้นกำเนิดมาจากสิ่งที่เราใส่ลงไปในตู้ปลา ไม่ว่าจะเป็น อาหาร แสงสว่าง ไวตามิน ฯลฯ ถ้าปราศจากการนำของสารเหล่านี้ออกจากระบบอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ของเสียในระบบจะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ และในปริมาณที่มากก็อาจจะเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตหลายชนิด สาหร่ายใน ATS จะนำสารเหล่านี้มาสร้างเป็นลำต้นของและมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วมาก
ATS นั้นกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้เลี้ยงปลาทะเล เพราะนอกจากการบำบัดน้ำได้แล้ว สาหร่ายยังช่วยเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนในน้ำ และยังเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กหลายขนิดกด้วย แต่เหตุผลที่ยังไม่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากนักก็เพราะการติดตั้ง ATS ทำได้ยากกว่าระบบกรองน้ำแบบอื่น โดยหัวใจสำคัญก็คือการสร้างคลื่นเป็นจังหวะและใช้ไฟที่มีความสว่างมาก
ไฟในระบบ ATS จะเปิดในช่วงเวลากลางคืนสวนทางกับไฟในตู้โชว์ ซึ่งจะทำให้ค่า pH และอ๊อกซิเจนในระบบคงที่อยู่ตลอดเวลา สาหร่ายจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติถ้าหากมีแสงและสารไนโตรเจนในน้ำอย่างพอเพียง เมื่อสาหร่ายโตได้ขนาดก็จะต้องเก็บเกี่ยวไปทิ้ง เพื่อนำเอาสารต่างๆที่สะสมอยู่ในลำต้นสาหร่ายออกจากตู้ (export) และทำให้ต้นอ่อนที่มีความสามารถในการซึมซับสูงกว่าเกิดมาแทน
ATS ที่ทำขึ้นเอง โดยใช้ที่สร้างคลื่นแบบ Carlson ซึ่งจะส่งคลื่นมานาทีละ 4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 10 วินาที ไฟที่ใช้คือหลอดตะเกียบ 36 W วางห่างจากแผ่นสาหร่ายประมาณ 5 นิ้ว ซึ่งจะเปิดตอน 17.00 และปิดตอน 12.00 แผ่นที่ปลูกสาหร่ายเป็นมุ้งลวดพลาสติก (จากไทยรีฟ)
ระบบ Refigium
คำว่า Refugium (อ่านว่า เร-ฟู-เจี้ยม) แปลว่าที่อยู่อาศัยสำหรับสิ่งมีชีวิต ที่ปลอดภัยจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งเมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับตู้ปลาแล้ว เรฟูเจี้ยมก็คือที่หลบภัยของพืชและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำนวนมาก ที่มักจะตกเป็นอาหารของปลาและสัตว์ไร้กระดูกสันหลังในตู้ปลาทะเล เพื่อที่สัตว์พวกนี้จะได้ไม่โดนไล่ล่าจนหมดไปจากตู้ และเพื่อให้มันได้มีโอกาสขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ เป็นอาหารตามธรรมชาติให้กับสัตว์อื่นๆในตู้
ที่หลบภัยที่ว่านี้อาจจะเป็นกล่องพลาสติกเล็กๆภายในตู้โชว์ หรือเป็นตู้ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกับตู้ใหญ่ หรือจะใช้ตู้กรองนอกตู้ก็ได้ โดยที่น้ำในระบบสามารถหมุนเวียนเข้าออกได้แต่ปลาและนักล่าอื่นๆจะเข้ามาไม่ได้ ภายในเรฟูเจี้ยมก็จะใส่ทรายเป็น หินเป็น สาหร่ายต่างชนิด และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นพวก Crustacean ขนาดเล็ก กุ้งฝอย หนอน ฯลฯ เอาไว้ เพื่อให้มันเพิ่มจำนวนจนกระทั่งจำนวนประชากรของมันล้นออกมา และกลายเป็นอาหารให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆในตู้โชว์ ถ้าหากใช้เรฟูเจี้ยมที่อยู่นอกตู้โชว์ก็ควรจะให้แสงสว่างด้วย (หลอดนีออนตะเกียบกำลังดี) เพื่อที่สาหร่ายจะได้สังเคราะห์แสง
การมีเรฟูเจี้ยมอยู่ในระบบนั้นจะทำให้ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้น สัตว์ที่อยู่ในเรฟูเจี้ยมจะสามารถให้กำเนิดแพลงตอนในรูปแบบของตัวอ่อนได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพวกปะการังและสัตว์ไร้กระดูกสันหลังอื่นๆ และจะช่วยทำให้ระบบนิเวศน์อุดมสมบูรณ์ขึ้น นอกเหนือจากนี้ เรฟูเจี้ยมยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในระบบ และสาหร่ายก็สามารถซึมซับสารอินทรีย์และธาตุเหล็กส่วนเกินทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้น
โดยส่วนใหญ่แล้วไฟในเรฟูเจี้ยมจะเปิดสวนทางกับตู้โชว์ (เฉพาะตอนกลางคืน) เพื่อเป็นการเพิ่มอ๊อกซิเจนให้กับตู้ในตอนกลางคืน บางตำราก็แนะนำให้เปิดไฟตลอด 24 ชม. แต่นักเลี้ยงปลาส่วนใหญ่พบว่าสาหร่ายจะโตช้ากว่าและสิ่งมีชีวิตก็จะน้อยกว่า เมื่อสาหร่ายโตได้สักพัก ก็ตะต้องมการเก็บเกี่ยวตักออกอยู่เรื่อยๆ มิเช่นนั้นมันจะโตเกินไปและพอธาตุอาหารในน้ำไม่พอเพียง มันก็จะตายลงทั้งต้นทำให้น้ำขุ่นได้ในทันที
(จากไทยรีฟ)
ระบบJeubert
การใช้ทรายเป็นในตู้ปลาทะเลถูกคิดค้นขึ้นโดย Dr. Jean Jaubert นักวิจัยย์ฝรั่งเศษแห่งพิพิธพันธุ์สัตว์น้ำ Monaco Aquarium ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น Director อยู่ที่ European Oceanographic Observatory ทรายเป็นก็คือทรายที่นำมาจากแนวปะการัง หรือบริเวณใกล้เคียงที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก (ไม่จำเป็นต้องเป็นแนวปะการัง) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง อาทิเช่น ทาก หนอนตัวแบน ไส้เดือน หนอนขน ดาวเปราะ แตงกวาทะเล และสัตว์อื่นๆ ทรายเป็นจะมีความสามารถในการย่อยสลายของเสียและสิ่งปฎิกูลในตู้ได้อย่างดี และเป็นที่สืบพันธุ์ให้กับพวกแพลงตอนอีกด้วย
ใต้พื้นทรายจะมีการไหลเวียนของน้ำต่ำมาก ทำให้อ๊อกซิเจนเข้าไม่ถึง (หรือเข้าได้น้อยมาก) ทำให้เกิดสภาวะ Anaerobic ที่เหมาะกับการแพร่กระจายของ Denitrifying Bacteria ที่สามารถกำจัดสารไนเตรตได้ ใต้พื้นทรายที่มีสภาพ anaerobic และมีแบคทีเรียอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น จะมีสภาวะที่แตกต่างจากเหนือผิวทราย โดย pH จะสามารถลดลงได้ต่ำกว่า 7.5 ทำให้ทรายละลาย จึงเป็นการเพิ่ม carbonate และแคลเซี่ยมให้กับระบบ แต่การที่จะพึ่งการละลายของทรายเพื่อเพิ่ม pH อาจไม่เพียงพอสำหรับตู้ส่วนใหญ่ เพราะอัตราการละลายจะช้าและน้อยมาก
ควรจะปูทรายที่พื้นตู้ให้มีความสูงประมาณ 4 นิ้วเป็นอย่างต่ำ โดยที่ไม่ต้องใช้แผ่นกรอง ทรายที่จะนำมาใช้ควรเป็นทรายที่นำมาจากทะเล และมีความละเอียดมากที่สุด (ยิ่งละเอียดยิ่งดี) ถ้าหากในตู้ใส่น้ำเอาไว้แล้วก็ไม่ควรที่จะใส่ทรายลงไปเร็วนักเพราะมันจะคลุ้งทำให้น้ำขุ่น การใช้ซากปะการังหรือทรายเม็ดใหญ่นั้นไม่ดีเพราะจะทำให้กระแสน้ำนำพาอ๊อกซิเจนผ่านลงใต้ผิวทรายได้ ที่สำคัญ ทรายละเอียดสามารถรองรับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศได้มากกว่าซากปะการังหลายเท่า
ที่ปูพื้นด้วยทรายหนามากกว่า 4 นิ้วและมีหินเป็น จะไม่มีความจำเป็นต้องทำความสะอาดทราย และทำให้การดูแลง่ายขึ้น เพราะทรายเป็นและหินเป็นจะทำหน้าที่ในการกำจัดของเสียและสิ่งปฎิกูลในระบบ ถ้าหากผู้เลี้ยงไปรบกวนพื้นทรายด้วยการขุด กวน ฯลฯ จะสามารถทำให้สัตว์ขนาดเล็กและแบคทีเรียที่เปราะบางตายลง ซึ่งจะทำให้ประสิธิภาพในการบำบัดน้ำน้อยลงด้วย ดังนั้นเมื่อใส่ทรายและหินแล้วไม่ควรไปขยับเขยื้อนหรือยุ่งกับมันมาก อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน ประโยชน์ของทรายในตู้ปลาทะเล